23 พฤศจิกายน 2559

มองโลกในแง่ดี

มองโลกในแง่ดี

อะไรเกิดขึ้นกับเราดีดังนั้น
โลกเราคิดให้มันดี...ทุกอย่างก็จะดี !!!
หาประโยชน์จากสิ่งนั้นให้ได้
ไม่ต้องกลัวความทุกข์
ไม่ต้องกลัวเมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์
เพราะนั่นคือข้อสอบตั้งใจทำดีๆ
ความทุกข์มีให้เราได้ศึกษาเรียนรู้
เรียนรู้ในทุกๆเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา
เวลาเราเป็นทุกข์ลองพิจารณาดูดีๆ
ดูว่าสิ่งเหล่านั้นเราอาจจะเคยทำไว้กับใครไว้
อาจจะเป็นชาตินี้หรือชาติไหนๆก็ตาม
แล้วสิ่งเรานั้นจะสะท้อนกลับมาหาตัวเรา

เมื่อเราคิดได้ก็ขอบคุณความทุกข์นั้น
ขอบคุณด้วยความจริงใจว่า
เขามาเพื่อให้เราได้มีโอกาสชดใช้กรรมของเรา
และสำนึกให้ได้ว่าเราเคยทำให้ใครเป็นทุกข์บ้าง?
และก็ขอโทษกรรมเขาซะ
ว่าเราเคยทำสิ่งนั้นกับใครมาก่อน
ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้
เราจะไม่ทำสิ่งนั้นแก่ใครให้เป็นทุกข์อีกแล้วนะ
ไม่ว่าชีวิตจะเป็นสุขหรือทุกข์
ก็นำมาพิจารณาทุกๆครั้งไป
แล้วชีวิตของเราจะเป็นทุกข์น้อยลง

เมื่อทุกข์น้อยลงเราก็จะมีเวลา
ศึกษาความรู้ ศึกษาธรรมะ
แล้วนำมาพิจารณาเพื่อใช้ปฏิบัติ
หาความบริสุทธิ์ให้ตนเอง
แล้วจิตของเราก็จะยิ่งบริสุทธิ์ขึ้นไปเรื่อยๆ
ชีวิตเราจะพบกับความสุขที่แท้จริงได้
ความบริสุทธิ์ของจิตเรา
จะทำให้เรามีความสุข ภายในมีปีติ
เมื่อใจเราเกิดปิติ....
เมื่อนั้นเราก็ได้พบกับความสงบสุขแท้จริง

19 พฤศจิกายน 2559

ความสมดุล

ศาสตร์แห่งพุทธะ

ความสมดุลนำมาซึ่งความสำเร็จ
เปรียบได้กับหลักธรรมทางพุทธศาสนา
"มัชฌิมาปฏิปทา"  อริยมรรคองค์ ๘ คือการปฏิบัติตามทางสายกลาง
ด้วยความพอดีไม่มากไปไม่น้อยไป....

"ความมั่นใจ" มั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ
แต่ถ้ามั่นใจมากเกินไปจนกลายเป็น
คนที่เชื่อตัวเองจน "ไม่ฟังใคร"
นานไปจะกลายเป็นคนที่ "หยิ่งยโส"

"ความรู้"เป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตความสำเร็จ
แต่ถ้ามีความรู้แล้วใช้ส่วนที่ "รู้มาก"
จนคิดว่าตัวเราถูกเสมอ
เราจะกลายเป็นคนที่มีแต่อัตตาคือ
"ไม่เห็นคนอื่นสำคัญเพราะตัวฉันดีที่สุด"

ตะกอนของความรู้ คือ อัตตา
ยิ่งรู้มาก ยิ่งอัตตามาก
คนที่ไม่รู้อะไรเลยนั่นแหละ..ผู้จะรู้
บางครั้งกลายเป็นคนอวดตัวอวดดีไปเลย
เหล่านี้เพราะความไม่สมดุลที่มีนั่นเอง  ! ! !

#พระพุทธองค์ทรงมีภูมิรู้เพียงใด_ยังไม่พูดทุกเรื่องที่รู้_ทรงให้รู้แค่เพียงดุจใบไม้กำมือเดียว

รู้น้อย...รู้มาก

........สิ่งที่เราต้องการจะพูด......

ไม่สำคัญเท่ากับ "สภาวะ" ตอนที่เราพูด
หากเราพูดจากสภาวะที่เต็มไปด้วย "เมตตา"
...มันจะพาเราไปเจอความรัก...
หากเราพูดจากสภาวะที่เต็มไปด้วย "อัตตา"
...มันจะพาเราไปเจอความเกลียดชัง...

      >>>>><<<<<<<
ความรู้น้อย แต่ "รู้ตัว" มาก
ก็ยังดีกว่า...ความรู้มาก แต่ "รู้ตัว" น้อย
เพราะคนที่มีความ "รู้" มาก
แต่มีความ "รู้ตัว" น้อย
อาจหลงตัวเองได้ง่าย  และไม่ก่อให้เกิดการพัฒนา

ส่วนคนที่แม้มีความ "รู้" น้อย
แต่มีความ "รู้ตัว" มาก
จะมีคนรักและพร้อมช่วยเหลือเสมอ
นอกจากนั้น คนที่ "รู้ตัว" มาก
จะสามารถปรับปรุงตัวเองได้ตลอดเวลา
     >>>>><<<<<

และการจะเป็นผู้ชื่อว่าอาวุโสนั้น
ไม่ใช่แค่การที่ผ่านกาลอายุ....ผ่านเรื่องราวมา
แล้วใช้เวลาเพียงเพื่อผมหงอกบนหัวเท่านั้น
ต้องนำสิ่งอันผ่านมานั้นสอนสั่งผู้น้อย
การไม่ได้ใช้วันเวลาในชีวิต
ด้วยความมีอัตตาที่มาก....แต่รู้ตัวน้อย"
เป็นบุคคลที่ชื่อว่า "ผู้แก่เปล่า"อย่างแท้จริง

พระภัทรพล ชุตินฺธโร
  ๑๙ พย. ๒๕๕๙

18 พฤศจิกายน 2559

สงบคลายทุกข์

สงบเพื่อคลายทุกข์

"ความทุกข์ผ่านเข้ามาในชีวิตนั้นเป็น
เรื่องธรรมดาถ้าเรารู้เท่าทัน...#เหตุทุกข์
เราก็จะไม่ตกเป็นทาสมันได้เลย

ก่อนจะทุกข์เราจะทำยังไงล่ะโยม!!

........ปล่อยวาง.........
เมื่อเกิดความทุกข์ ความไม่พอใจ อย่าเก็บมาคิดย้ำซ้ำทวน
จะยิ่งทำให้ติดในวังวน
จนถอนตัวออกมาได้ยาก
เพราะคิดซ้ำซากจนใจชอกช้ำ

.............มีสติ..............
ระลึกรู้ทันอารมณ์ว่ากำลังหลงยึดมั่นอยู่ ฝึกสติด้วยการทำสมาธิภาวนาบ้าง ต้องบ่มเพาะตัว "สติ" ในชีวิตประจำวันมากๆ หมั่นดูจิตมองตนอยู่เนืองๆ
สำคัญเลย..อย่าวุ่นวายนักชีวิตคนอื่น

.......เยียวยาใจด้วยอภัย........
หากอารมณ์นั้นคือความโกรธ เกลียด พยาบาท การให้อภัยจะช่วยเปลื้องอารมณ์นั้นไปจากใจ หรืออาจใช้วิธีแผ่เมตตาให้
ซึ่งหมายถึงการตั้งจิตปรารถนาด
ีให้เรามีความสุขยิ่งขึ้นไป

........ปลีกวิเวกเป็นครั้งคราว.........
คนเราควรหาเวลาอยู่เงียบๆ คนเดียว หลีกเร้นจากข่าวสาร แสงสี และการพูดคุย อย่างน้อยปีละ 1 สัปดาห์ จะช่วยให้อารมณ์นิ่ง ไม่หวั่นไหวไปตามสิ่งเร้าโดยง่าย และทำให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองมากขึ้น

.........เปิดปากพร้อมเปิดใจ.........
เมื่อเกิดปัญหา....ควรเปิดปากซักถาม จะช่วยป้องกันไม่ให้ "เราตัดสิน" เอาเอง จนเกิดอารมณ์อกุศลขึ้น
ในขณะเดียวกัน ทุกฝ่ายก็ต้องพร้อมเปิดใจ รับฟังอย่างมีสติและเห็นอกเห็นใจ เราก็จะพบว่าปัญหานั้น
ไม่ได้แก้ยากอย่างที่คิด
ปัญหาทุกอย่างนั้นอยู่ที่ใจ
เมื่อดับไฟในใจได้   ชีวิตก็จะเป็นสุข
--------------

ธรรมะจะเยียวยาใจคุณโยม
ได้อย่างอัศจรรย์
...รับฟังตัวเองให้ได้เท่าที่ชอบรับฟังเรื่องคนอื่น
...ตัดสินผู้คนให้น้อยลงให้มากๆใจจะสงบอีกมาก

"เราอยากให้โลกดีงาม..เราต้องดีงามก่อน
.....เราดีงามคนเดียว......โลกนี้ก็ดีงาม"....

:+:  :+:   :+:   :+:   :+:
สาธุธรรม
พระภัทรพล 18-11-59
......   .......   .......   .....

16 พฤศจิกายน 2559

พระ ภัทรพล ชุตินฺธโร: บวชไกลกังวล

พระ ภัทรพล ชุตินฺธโร: บวชไกลกังวล: "  คำว่า  ภิกษุ ..." จริงๆ แล้ว ความหมายก็คือ ผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร! เห็นว่า ภาวะแห่งการหมุนเวียน เวียนวน อยู่ในภพน้อย ภพใหญ... บทความธรรมะเพื่อการตื่นรู้การทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกในการเป็นจิตอาสาเยี่ยมไข้ผู้ป่วยระยะสุดท้าย กลุ่มคิลานธรรมหลักธรรมะกับการดำรงชีวิต

พระ ภัทรพล ชุตินฺธโร: บวชไกลกังวล

พระ ภัทรพล ชุตินฺธโร: บวชไกลกังวล บทความธรรมะเพื่อการตื่นรู้การทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกในการเป็นจิตอาสาเยี่ยมไข้ผู้ป่วยระยะสุดท้าย กลุ่มคิลานธรรมหลักธรรมะกับการดำรงชีวิต

บวชไกลกังวล

"  คำว่า  ภิกษุ ..."
จริงๆ แล้ว ความหมายก็คือ
ผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร!
เห็นว่า ภาวะแห่งการหมุนเวียน เวียนวน อยู่ในภพน้อย ภพใหญ่ สถานะต่างๆ เหล่านี้ เป็นภัย
สังสารวัฏฏ์นี้ ... น่ากลัว
ก่อนที่จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 
บอกวิธีการชาวโลกทั้งหลาย จึงออกแสวงหาวิธี
ในการ ที่จะไม่ต้องเวียนวน เวียนว่าย 
กลับมาอีกแต่สุดท้าย ก็เจอทางตัน!
สูงสุดก็ได้เพียง " พรหมโลก " อยู่ในฌาณ อยู่ในสมาธิ 
แล้วมีความสุข จิตสงบนิ่ง เย็น
แต่ยังไม่สามารถออกจากระบบสังสารวัฏได้......
ไม่สามารถต้านทานแรงโน้มถ่วงของโลกได้
จนกว่าจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
มาตรัสรู้ มาชี้ทางแห่ง อริยมรรคมีองค์ ๘
มาชี้ทางในการที่จะไม่กลับมาเวียนว่ายอีก ...
ดวงจิตเหล่านี้ จะไม่รีรอ ไม่ลังเล ที่จะปฏิบัติ
ตามมรรควิธี โดยไม่มีเงื่อนไขใด

เสมือนเด็กที่เดินเข้าไปในป่าใหญ่
แรกๆ ก็สนุกสนานเพลิดเพลินดี
ในป่าเขาลำเนาไพร มีสัตว์น้อยใหญ่ มีน้ำตกสวยงาม พืชพรรณธัญญาหารสมบูรณ์
ปีนึง ๑๐ ปี  ๒๐ ปี ...
ความเพลิดเพลิน ความอิน ความชอบ ในธรรมชาติเหล่านั้น
ก็ เริ่มจะจางลง
""  แต่ ออกจากป่าใหญ่ ไม่ได้!!!! ""
หากมีผู้ใด มาชี้บอกวิธีในการออกจากป่า
เด็กเหล่านี้ จะไม่รีรอ ไม่ลังเล
 จะมุ่งหน้าในการปฏิบัติตามคำแนะนำทันที!
เหมือนกันกับจิตภิกษุ
การบวชในบวรพุทธศาสนาจึงมีเพียงหนึ่งเดียว คือ
การออกจากวัฏฏสงสาร วิมุตติ ข้ามฝั่ง ...
หลายๆ ท่าน ที่ได้เข้ามาอุปสมบทในคราวนี้ 
จึงมิใช่มาบวชเพราะ อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม
ไม่ได้มาบวชใช้หนี้ ไม่ได้หนีตำรวจ 
ไม่ได้บวชตามเพื่อน ไม่ได้แปดเปื้อนศาสนา

แต่บวชเพื่อ "ไกลกังวล"
ต่อให้คนเรามีพร้อมในทุกอย่าง ทั้งหน้าตา หน้าที่ ชื่อเสียง เงินทอง  ฯลฯ
แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงมีอยู่ในใจ นั่นคือ
ภาวะ " ความกังวล " ...
ตราบใดที่ยังอยู่ในฝั่งโลกิยะ ความกังวลก็ยังคงเป็นของคู่กัน
การเจริญมรรคมีองค์ ๘ โดยสมบูรณ์ในเพศสมณ จึงนับว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงกว่าเพศคฤหัสถ์

การอุปสมบทจึงคือการบวชเพื่อ
" ข้ามฝั่ง "
ถ้าตั้งใจจริง เพียรจริง ปฏิบัติจริง
ชาตินี้ จะถือเป็นชาติที่ดีที่สุดเทียว !!!!  "

การเดินทาง

การเดินทางครั้งนี้มีความหมาย
เป็นการเดินทางที่ไกลที่สุดของเรา
ซึ่งไม่ได้มีจุดหมายที่ต้องยิ่งใหญ่
แต่กลับมีจุดหมายเพียงแค
่"การได้สำรวจตนเอง"

จากจุดที่ห่างไกลกับสังคมที่คุ้นเคย
เรามองเห็นสิ่งมีคุณค่าที่เคยละเลย
เรามองเห็นข้อผิดพลาด
หรือรวมทั้งข้อบกพร่องที่ไม่เคยเห็น
เรามองเห็น อัตตา ความมุทะลุในตน เชื่อมั่นในตัวเองแบบผิดๆ
เรามองเห็นการความเอื้ออาทร
ต่อเพื่อนมนุษย์ที่น้อยเกินไป

"ทุกครั้งที่มีโอกาสได้หยุดสำรวจตัวเอง
เฝ้ามองตัวเองอย่างสงบ"
เราจะพบคำถามที่ว่า .........
เราเกิดมาเพื่ออะไร ??? 
เราทำประโยชน์ให้ใครแล้วบ้าง ??
และตอบแทนอะไรให้กับสังคม ??
ได้ดีมากพอแล้วหรือยัง ???


........อนุโมทนาขอบคุณกับ........
- ขอบคุณผู้ที่เจ็บป่วยที่ให้วิชาชีวิตแก่ฉัน
- ขอบคุณทุกการเดินทางไปที่ยิ่งใหญ่
- ขอบคุณทุกๆ เรื่องราวใหม่ในทุกเช้า
.....ที่ทำให้เรารู้จักที่จะรักตัวเองเพื่อ
.....เป็นที่รักของผู้คนและรวมถึงที่สุด
.....คือรู้สึกรักแผ่นดินเกิดผืนนี้เพิ่มมากขึ้น.....จริงๆๆ   !!!


พระภัทรพล (๑๖พย.๕๙ )

"ไม่รู้ว่าเราไม่รู้"

คนเรา ทุกข์เพราะ ความไม่รู้

ไม่รู้สิ่งใดที่สำคัญกับชีวิตตัวคุณแท้จริง
เราสนใจแต่เพียงว่า
คนอื่นจะคิดกับเราอย่างไร หลายคนสนใจแต่เรื่องของคนอื่น แต่ไม่รู้จักตัวเองเลยสักนิด

ไม่รู้ว่าเราเป็นใคร  เกิดมาเพื่อทำอะไร
ไขว่คว้าหาความสุขที่ลึกๆแล้ว
ภายในใจเราโครตทุกข์
"จากการไขว่คว้านี้"

แต่ที่ไม่พยายามรู้เพราะ...
เราก็จะหาคนอื่นที่แย่กว่าเรา
เพื่อดึงตัวเองจากทุกข์นี้
กดคนอื่นให้เป็นคนทุกข์แทนเรา

😐 เคยเป็นแบบนี้หรือไม่ 😆
ชีวิตไม่เคยมีความสุขจริงๆ
ทำงานไปวันๆ เสแสร้งยิ้มกลบเกลื่อนความทุกข์ 😐 กลับบ้านเบื่อหน่ายไร้พลัง ตื่นเช้าไม่อยากตื่น เบื่อเซ็งชีวิต ไม่รู้ว่าเป้าหมายชีวิตคืออะไร

ชีวิตไม่ใช่ทำงานรอวันตาย แต่เกิดมาเพื่อทำอะไรบางอย่าง
ให้กับโลกนี้

ชีวิตอย่าปล่อยให้มันเป็นไป
แต่ควรกำหนดให้มันเป็นไป

"สุข แข็งแรง สำเร็จ เพราะ รู้
ทุกข์ ป่วย จน เพราะ ไม่ รู้"

ชุตินธโร นาม 
16-11-2559

8 พฤศจิกายน 2559

ความคิดที่ทำร้ายเรา

หากเวลานี้คุณโยมกำลังทุกข์
จนมองไม่เห็นหนทางไปต่อ
โยมคงอ่อนแอจนไม่รู้ว่าจะผ่าน
ความทุกข์นี้ไปได้อย่างไร ?

แต่ถ้าหากโยมลองได้หันไป
ระลึกถึงสิ่งที่เราผ่านมาได้แล้ว
เราจะรู้สึกได้ว่าตอนที่เราทุกข์ครั้งนั้น
ตัวเราอ่อนแอได้อย่างไร ?

7 พฤศจิกายน 2559

มองชีวิต

มองชีวิต

ชีวิตคนเราไม่ได้ง่ายแต่ไม่ยากเกินจะทำ
อย่าตัดสินคนอื่่นเพียงแค่ "เราคิดเอง"
ในความง่ายของเรา เขากลับมองเป็นเรื่องยาก
ในความยากของเรา เขากลับมองเป็นเรื่องง่าย

คนที่โดดเด่นเป็นสง่าในปัจจุบัน
เบื้องหลัง เขาเหล่านั้น...
ต้องหวานอมขมกลืนมาสักเท่าไหร่
ต่อให้ดูเหมือนมีความสุข และมีวาสนา
ในจิตใจของเขา....
อาจมีสิ่งที่ยากจะอธิบายให้ใครฟังได้

เคารพคนอื่น ก็คือการเคารพตัวเอง
รักตัวเองก็เท่ากับได้ดูแลความรักให่คนอื่นแล้ว
เพราะเมื่อเราดีงาม  โลกนี่ก็ดีงาม
คนเรา มีชีวิตเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
อย่าหวังให้ใครมาเข้าใจตัวเรา

เพราะบางครั้ง แม้แต่ตัวเรา
ก็ยังไม่เข้าใจตัวเราเองเลย
ในยามทุกข์ ในยามเหนื่อยล้า
จงรู้จักปลอบตัวเอง

ต่อให้ไม่มีใครชื่นชม ก็ต้องรักษาความดีงามนั้นไว้
ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะหยุดทำดี
อย่าทิ้งวาสนาและโอกาสที่จะได้ทำ
เพราะคุณค่าของคนแท้จริงอยู่ที่สิ่งที่ตัวเองทำ

ยามวุ่นวาย ต้องรู้จักพักผ่อน
อย่าทิ้งสุขภาพที่แข็งแรง
ยามเหนื่อย ต้องรู้จักวางมือ อนุญาตให้เราพีกได้บ้าง
มิตรสหาย ไม่ใช่คบตามอำเภอใจ
แต่ต้องศรัทธาต่อความเป็นกัลยาณมิตรกัน

รู้จัก ไม่ใช่ความแปลกใหม่ แต่ต้องจริงใจต่อกัน
เข้าใจ ไม่ใช่ยังไงก็ได้ แต่ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน
ความจริงใจไร้ภาษา อยู่ที่รู้ถนอม อยู่ที่ใจจริง

#เพราะคนเรานี้หนอ ...
ต่อให้เก่งกล้า ก็ต้องพึ่งอาชาฝีเท้าดี
ต่อให้ยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องรู้สำนึกคุณคน
ต่อให้เข้มแข็ง  ก็ต้องมีวันเจ็บไข้ได้ป่วย
เมื่อนั่นสิ่งดีๆที่ทำมาจะให้ผลกลับมา

อิทัปปจยตา เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
นี่คือความจริงที่บรมศาสดาทรงบอกเรา

สาราณียธรรม
ชุตินธโร

6 พฤศจิกายน 2559

คุณค่าในตัวเอง

6/11/59
ชุตินฺธโร นาม

ถ้ากำลังประสบกับคนที่ดูถูกผู้อื่น
ขอให้รู้เถอะว่า เขาคนนั้นกำลังขาดความภูมิใจ
ในคุณค่าของตัวเอง...จึงต้องกดให้คนอื่น
รู้สึกด้อยค่าเพื่อให้ตนเองดูสูงส่งมีคุณค่า
กว่าคนอื่น .....

ดังนั้น ถ้าเจอคำดูถูกให้คิดว่า คำพูดนั้นไม่ใช่เรื่องของเรา แต่เป็นสิ่งที่คนพูดแสดงออกเพื่อ
"เยียวยาจิตใจของเขาเองต่างหาก"

แต่ก็ใช่ว่าใครพูดอะไรไม่ถูกใจเรา ก็ไปหาว่าเขาดูถูกเรานะ

ถ้าการมีใครมาแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับตัวเรา ให้พิจารณาก่อนว่ามันจริงไหม ถ้าไม่จริงก็ช่างมัน คิดซะว่าเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เยียวยาปมในใจของเขา

แต่ถ้ามันจริง ก็ไม่ต้องไปเสียใจน้อยใจ แต่ให้มุ่งมั่นแก้ไขปรับปรุงตัวเอง
เพราะใครๆ ก็มีข้อบกพร่องทั้งนั้น แต่คนที่มีข้อบกพร่องน้อยในวันนี้ เขาพัฒนาตนเองมาก่อนเราเท่านั้นเอง

........   .........   ...........

ขอเป็นกำลังใจให้โยมทุกๆท่าน

.........   .........    ............
อย่าเสียเวลาเจ็บใจ
เพราะปมในใจของคนอื่น
นิสัยชอบดูถูกผู้อื่นมีรากเหง้ามาจาก
"การไม่(พยายามมอง)เห็นคุณค่าในตนเอง"

#คนเห็นค่าในตนจะไม่ข่มใคร
#คนจิตใจดีย่อมไม่ดูถูกใคร

#คิลานธรรม_พระอาสาเยียวยาใจ

5 พฤศจิกายน 2559

รักด้วยเมตตา

เมตตา คือ รักที่ไม่คาดหวัง

ระหว่างคนที่รักกับคนที่ไม่รัก เราจะโกรธใครง่ายกว่ากัน
ระหว่างคนใกล้ชิดกับคนไกลตัว ความหงุดหงิดต่อใครจะรุนแรงกว่ากัน

ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นความคาดหวังที่แฝงอยู่ในนาม
ของความรักและเพราะรัก จึงอยากให้ดี ให้เก่ง ให้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
พอไม่เป็นดั่งคาด ความหงุดหงิดโมโหก็บังเกิด

คนที่รักด้วยความคาดหวังจึงสามารถ
สร้างทุกข์ให้กันและกันได้มาก
เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก
พ่อแม่ที่รักลูกมักจะโมโหเมื่อ
ลูกทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ

ภายใต้ความรักและความปรารถนาดี มีความคาดหวังให้ลูกเป็นอย่างที่ตัวเองคิดด้วย
บางครั้งก็ด้วยความห่วงใยในอนาคตของลูก
พ่อแม่ก็สร้างแรงกดดันในการเรียนและการใช้ชีวิตของลูกได้อย่างมหาศาล

ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักก็ไม่ต่างกัน
แต่ละฝ่ายต่างคาดหวังให้อีกฝ่ายเป็นไป
ตามที่ตัวเองต้องการ
เมื่อไม่เป็นดังนั้นก็เสียใจ น้อยใจ ผิดหวัง และโมโห

"ความรักจะยั่งยืนยาวนาน
หากแปรความคาดหวังนั้นให้เป็นเมตตา
ที่ปราศจากเงื่อนไข
ยอมรับกันและกันตามที่เป็นจริง
และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายใช้เวลาในการพัฒนาและปรับปรุงข้อบกพร่องของตน"

สาธุธรรม
พระภัทรพล ชุตินธโร

3 พฤศจิกายน 2559

ไดอารี่เล่มเล็กๆของอาตมา

#ขอบคุณความทุกข์ที่สอนให้เรารู้จักคำว่า_แรงบันดาลใจ
#ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนฉันมา

#ไดอารี่เล่มเล็กๆของอาตมา

"ความมหัศจรรย์หลายอย่าง
ที่เกิดขึ้นในโลกนี้...
เริ่มต้นมาจากแรงบันดาลใจของบางคนนี่แหละ.."

หนังสือดีเพียงเล่มเดียว....
สามารถเปลียนชีวิตคนได้....
ความคิดดีๆ...เพียงความคิดเดียว...
สามารถสร้างแรงบันดาลใจ
ให้เด็กวัด...อดอยากยากจนขนาดต้องแย่งหมากิน...ก็ทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้....

เรา...ไม่สามารถรู้ได้ว่า...เราจะบินได้สูงแค่ไหน..
จนกว่าเราจะ...กางปีก...แล้วบิน...
ตราบใดที่เรายังไม่ลงมือทำ...
อย่าเชื่อโดยคิดว่าเราทำไม่ได้...

จากเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จทุกคน..มีหัวใจของความสำเร็จเหมือนกันคือ....

เขา...ชนะใจตนเอง....
เขา...ให้ความสำคัญเรื่องวินัย...

คนที่ประสบผลสำเร็จ....
ไม่ใช่อยู่ที่แรงถึง....
แต่อยู่ที่...มีความตั้งใจแน่วแน่...ไม่เปลียนแปลง

ผู้ที่ประสบความสำเร็จ
ไม่ใช่เก่ง...
แต่ต้องอึดด้วย

ชัยชนะ..เป็นของคนที่....อึดที่สุด...

ความสำเร็จ...เกิดจาก...
อัจฉริยะ1 ส่วน
ที่เหลือ 9 ส่วน...เกิดจาก....
หยาดเหงื่อ...แรงงาน...และน้ำตาล้วนๆ...

ความยากลำบาก...เป็นมหาลัยชั้นสูง...
ในการฝึก...ยอดคน

ความสำเร็จ...เกิดจากความยากลำบาก...
ไม่มีความสำเร็จใด..ตกมาจากฟากฟ้า...

ไม่มีชัยชนะใด...ได้มาโดยไม่ต้องต่อสู้...
ไม่มีความสำเร็จใด...ได้มา...โดยไม่ต้องลงแรง

ความสำเร็จ...เกิดจาก..การลงมือทำ...
ไม่ใช่แรงอธิษฐาน...

ความสำเร็จ...มันอยู่ไกล..เกินไปถึง....
กับคนซึ่ง...นั่งหงอย...และคอยหา...
ความสำเร็จ...จะมาอยู่...แค่ปลายตา...
กับคนที่...คิดว่า...ต้อพยายาม...

เกิดในที่...ที่ดี...นั้นดีแน่...
เกิดในที่...ที่แย่...ก็ดีได้...
เกิดที่ดี...แล้วแย่...มีถมไป....
เกิดที่ไหน...ก็ดีได้...ถ้าใฝ่ดี...

ผลลัพธ์แห่ง..ความสำเร็จ....
ยิ่งใหญ่เกินกว่า...ที่ตามองเห็น....

คนที่จะประสบความสำเร็จ....
ต้องมีเป้าหมายในชีวิต...

ผู้ที่ปฎิเสธ...ไม่ทำตามความฝัน....
จะไม่มีทางประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้...

อดีต...ไม่สำคัญ...ว่าเราเคยเป็นใคร...
แต่สิ่งสำคัญ..มันอยู่ที่ว่า...
วันนี้...เราจะเป็นใคร...?
และวันพรุ่งนี้..เราต้องการความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน....

คนที่ชอบทำงานง่ายๆๆ...
จะเป็นได้แค่ลูกน้องเขา...ตลอดชีวิต...

ผลงานล้ำค่า...ที่อุบัติขึ้นในโลกนี้...
ล้วนเกิดจากมือ...ของคนที่ชอบทำงานหนัก...

คนที่ประสบความสำเร็จ...
ไม่ใช่แค่เป็นนักฝัน...
แต่เขาเริ่มด้วยการ...ลงมือทำ...
เอาแต่พูด...เอาแต่ท่องทฤษฎี..ไม่ลงมือปฏิบัติ...
ไม่มีทาง...ประสบความสำเร็จ

ความสำเร็จเริ่มต้นเมื่อ...
คุณเชื่อว่า...คุณทำได้...
จุดอ่อนของคนที่...ไม่ประสบความสำเร็จคือ...
การยอมแพ้...

คนที่ประสบความสำเร็จ
พยายามอีกครั้ง...เสมอ...

ความรับผิดชอบ...ทำให้...งานออกมาดี...
ความรัก...ทำให้...งานออกมา...สวย...
เป้าหมาย..ทำให้สำเร็จ..โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

สาเหตุที่ทำให้เราเห็นว่า...
อุปสรรค..เป็นเรื่องน่ากลัว...
เพราะตัวเราเองที่ละสายตาไปจากเป้าหมายเอง

#แชร์ให้ด้วยถ้าคิดว่ามีประโยชน์ต่อคนที่เรารัก

สาธุธรรม
พระภัทรพล ชุตินธโร
(3-11-2559)

2 พฤศจิกายน 2559

รักตัวเองให้เป็น

“รักตัวเองไม่เป็น”
....  ....  ....  
คนที่เป็นโรค “รักตัวเองไม่เป็น” จะลงโทษตัวเอง
โดยการคิดวนเวียน และตำหนิตัวเองด้วยคำพูดซ้ำๆ ว่า
“ไม่มีค่า”
“ไม่ดีพอ”
“ไม่คู่ควร”
“ไม่เป็นที่รัก”
“ไม่เป็นที่ยอมรับ”
“ไม่เป็นที่ต้องการ”
คำพูดสุดท้ายที่เขาพูดกับตัวเอง ก็คือ
“ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”
และตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองลง
ด้วย “น้ำมือของตัวเอง”

.
บางคนโชคดีที่ขณะก่อนกำลังจะตัดสินใจ
“จบชีวิตตัวเองลง”  มีความฉุกคิดได้ว่า
“เขายังมีคนที่รักเขาอย่างแท้จริงอยู่ในชีวิต”
“เขายังมีค่าต่อชีวิตของคนที่รักเขาเหล่านั้น”
“เขายังคู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อคนที่รักเขาเหล่านั้น”
และมีสติดึงตัวเองให้รอดพ้นจาก
วินาทีแห่ง “ความตาย” มาได้อย่างหวุดหวิด

.
และเมื่อผ่านพ้นช่วงวิกฤติของชีวิตเช่นนี้มาได้
สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากสถานการณ์นี้ ก็คือ
เขาได้พบว่า ตัวเองเป็นโรค “รักตัวเองไม่เป็น”
ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขา...
มองไม่เห็น “คุณค่า” ของตัวเอง
คิดว่า...ตัวเอง “ไม่ดีพอ”
คิดว่า...ตัวเอง “ไม่คู่ควร”
คิดว่า...ตัวเอง “ไม่เป็นที่รัก”
คิดว่า...ตัวเอง “ไม่เป็นที่ยอมรับ”
คิดว่า...ตัวเอง “ไม่เป็นที่ต้องการ”
และสุดท้ายเขาจึง
ตัดสินว่า...ตัวเอง “ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อไป”
กลุ่มพระจิตอาสา คิลานธรรม
เยียวยาใจด้วยธรรมะ

.
เมื่อใดที่เราคิด พูด และทำแบบใดก็ตาม
กฎแห่งกรรม หรือ กฎแรงดึงดูด
จะทำงานตามหน้าที่ของมันอย่างเที่ยงตรงเสมอ
นั่นก็คือ คุณคิด พูด และทำแบบใด
โยมก็ได้รับผลตามสิ่งที่โยมคิด พูด ทำ แบบนั้น นั่นเอง
.
ถ้าสิ่งที่เราคิด พูด และทำกับตัวเอง
คือ เราไม่ “รักตัวเอง”
กฎแห่งกรรม หรือ กฎแรงดึงดูด
ก็จะส่งผลให้คุณมองไม่เห็น หรือผลัก
“คนที่รักคุณ” ออกไปจากชีวิตของโยมเอง
และดึงดูด “คนที่ไม่รักเรา” เข้ามาในชีวิตของโยม

.
ถ้าเราอยากมีชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความรัก
เราสามารถทำได้ด้วยการเริ่มต้นสร้างกรรมใหม่
จากการเปลี่ยนความคิด คำพูด และการกระทำต่างๆ
ของคุณให้เป็นคนที่ “รักตัวเอง”
แล้วกฎแห่งกรรม หรือ กฎแรงดึงดูด ก็จะทำหน้าที่ของมัน
โดยการส่งผลให้คุณมองเห็น และเปิดรับเฉพาะ
“คนที่รักเรา” ให้เข้ามาในชีวิตของเรา
.
ไม่มีวิธีการใดที่จะรักษาโรค “รักตัวเองไม่เป็น” ได้
นอกจากคุณจะ “รักตัวเอง” เท่านั้น

.
“รักตัวเอง” มากๆ นะโยม
ฉันเป็นกำลังใจให้โยมนะ
.
#ดูแลตัวเองให้หน่อยนะ
#กดแชร์ วนๆ ไปให้คนที่เรารัก คนที่คุณรู้จักได้อ่าน
ด้วยสาราณียธรรม
พระภัทรพล ชุตินธโร
( 3  พย.  2559 )

เรื่องเล่าสู่การเติบโตภายใน


ชีวิตคนเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลง
ตามประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน บางคนโตเป็นผู้ใหญ่แต่วุฒิภาวะไม่ได้เติบโตขึ้นด้วย

เติบโตในที่นี้หมายถึง
การเติบโตทางจิตใจและการกระทำ แม้ตัวเราเองก็ยังต้องฝึกฝนและพัฒนา
ให้เติมโตอยู่เสมอ

จุดเปลี่ยนในชีวิตอย่างหนึ่ง จากเด็กกะโปโล เที่ยวเล่นหาอะไรสนุกๆทำไปเรื่อยๆ กินเหล้าสังสรรค์พบปะกับเพื่อนๆ
ใช้ชีวิตไปบนพื้นฐานความประมาทสิ้นเชิง

จวบจนวันที่ได้เข้าสู่ร่มเงาธรรมะ
ขององค์พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า
ได้เข้าสู่วิชาแห่งชีวิตอย่างแท้จริง
รู้จักความสงบทางใจว่ามันสบายดีจัง !!

พระอาจารย์ทุกรูปผู้เป็นที่เคารพบูชายิ่งเมตตาสั่งสอนทุกอย่าง โดยเฉพาะ "การให้รู้จักคุณ"
- คุณแห่งผู้มีพระคุณ
- คุณแห่งโอกาส
- คุณแห่งการรู้จักหน้าที่
- คุณแห่งการนิ่งเพื่อชนะ..(ตน)

การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ
อยู่กับธรรมะบำบัด   อันสงบร่มเย็น
ใจเราเป็นสุขสบายขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เข้าใจอย่างดีจริงๆว่า เสียงที่ไพเราะที่สุด
คือ เสียงของความสงบนี่เอง

การได้เข้าไปเห็นชีวิต เห็นความทุกข์
จากผู้คนที่นอนเจ็บป่วยอยู่บนเตียง
ในการทำงานจิตอาสาเยี่ยมไข้
ได้เห็นถึงปาฏิหาริย์ของฝึกฝนตน

"ให้เป็นคนที่รับฟังคนอื่นด้วยใจแท้และ
ไม่ไปตัดสินผู้คนด้วยความคิดของเรา"

ปัจจุบัน...ทั้งหมดซึบซับเข้ามาภายใน
อย่างที่เราก็รู้ได้ว่า "ฉันเปลี่ยนไป"
ใจที่เคยร้อนรนด้วยเพราะ
ความคิดตนและคำของคนอื่น
ค่อยๆมีวิธีจัดการกับใจตัวเอง
ในภาวะที่ต้องกลับมาดูแลใจให้รับรู้

ทุกสิ่งมันเป็นเช่นนั้นเอง
ไม่มีใครทำอะไรใครได้
นอกจาก "กรรม" ของเราเอง
ที่นำเราต้องเป็นไปตามที่เป็น

ทุกวันนี้สิ่งที่ยังทำอยู่สม่ำเสมอ
คือการได้นั่งสมาธิ ได้สวดมนต์ ทุกอย่างที่ทำในชีวิตประจำวันจึงมีค่า ปัจจุบันนี้ก็ยังฝึกฝนอยู่เสมอ

เวลาที่เกิดปัญหาอะไรก็ตามจงคิดเสมอว่า
เป็นสิ่งที่เขานำมาฝึกฝนเราเป็นด่านๆหนึ่ง ฝึกให้เราแข็งแกร่งและเติบโตทางจิตใจ
ขึ้นอีก  ปัญหาและความทุกข์เป็นอาจารย์
มาสอนเรา อาจารย์โกรธ อาจารย์เบื่อ อาจารย์ขี้เกียจ อาจารย์เศร้า สารพัดอาจารย์อยากสอนเราทั้งนั้น

คนเราล้วนแต่มีความคิดไปในทางเดียว
กันคือใฝ่หาความสงบให้กับชีวิต  ไปทำบุญสนทนาธรรมกับหลวงพ่อ
นอกจากนี้หากมีความสงสัยเกิดขึ้น มีกิเลสความทุกข์ในใจ สิ่งที่เป็นที่พึ่ง
ของเราเสมอ คือ พระรัตนตรัย

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่รู้หรอกว่าเราเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้างมากน้อยเท่าไหร่ 
เราคิดแค่พัฒนาตนเองอยู่เสมอ
ทุกลมหายใจ....จะรู้ตัวก็แต่คนรอบข้าง
ทักว่าใจเย็นขึ้นบ้าง สุขุมสงบราบเรียบ

สุดท้าย...
เมื่อเราใช้ชีวิตในทางโลกมาทั้งชีวิตแล้ว จึงอยากให้เราหันมาฝึกฝนจิตใจ
ให้เติบโตในทางธรรมเพื่อพ้นจากทุกข
์ด้วยอีกทางหนึ่ง เรียนรู้จักตัวเราอย่างเข้าใจด้วยธรรม
เมื่อนั้นชีวิตเราจะมีความหมายยิ่งนักว่า

ตัวฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดมาพบ
พระพุทธศาสนา....ได้เกิดมาบนแผ่นดิน
ที่ศรัทธาแห่งพุทธะ

ขอปวารณาตัวเองว่าจะทำหน้าที่
ของตัวเองให้ดีที่สุด....
ไม่ว่าฐานะความเป็นสมณะเพศในขณะปัจจุบันนี้หรือวันข้างหน้าที่จะมาก็ตาม

สาราณียธรรม
ธรรมจัดสรรความสงบสู่ภายใน
พระภัทรพล ชุตินธโร
( 2  -  11  -  2559  )