แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แสงของชีวิต แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แสงของชีวิต แสดงบทความทั้งหมด

12 ตุลาคม 2559

แสงตะวันแห่งชีวิต

#แสงตะวันแห่งความหวัง#
---------------------------
ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ
เป็นธรรมดาของชีวิต ที่เราต้องยอมรับ

ชีวิตมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีพบ มีพราก มีมืด มีสว่าง
มีสุข มีเศร้า มีเจริญ มีเสื่อม ...อย่าหวาดหวั่นกังวลต่อความเปลี่ยนแปลง
จนเกินไปเพราะไม่มีใครสามารถยืนอยู่
ในจุดที่ตัวเองพึงพอใจได้ตลอดกาล

ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไป หรือบางมุมในชีวิตจะเปลี่ยนแปลง
ผลแห่งความหวังอาจไม่ได้สาดส่องมาในที่
ที่เรายืนอยู่เหมือนที่เคยเป็น...ที่เคยหวัง
แต่ทุกที่ทุกเวลาในชีวิต ย่อมยังมีด้านดีให้เราค้นพบเสมอ

ก้าวแต่ละก้าวในมุมมืดจึงต้องมั่นคง
และต้องระมัดระวังยิ่งขึ้น....ด้วยธรรมะ

กลางลมหนาว เราจึงต้องรู้จักเพิ่มความอบอุ่น
กลางพายุฝน   เราจึงต้องรู้จักหาที่กำบัง
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่ชีวิตต้องเรียนรู้ ก็คือ การปรับตัว

อย่าหวาดหวั่นกังวลจนเกินไป
เพราะนั่นเป็นเรื่องปรกติธรรมดาของชีวิต
ใจที่สงบและตริตรองด้วย"สติ"
เมือประดับด้วยศีลธรรมเป็นอาภรณ์
ถึงจะต้องเดินไปในทางเช่นไร...เราจะมี
"ธรรมะที่เป็นแสงส่องทางให้เดินเสมอ"

(12-10-59) ~ชุตินธโร~

5 ตุลาคม 2559

แสงแห่งชีวิต

"ความอับและความสว่าง"

อันความดีและความชั่วนี้ มีลักษณะพร้อมทั้งผลต่างกัน 
เมื่อเป็นความดีจริง
ถึงใครจะพยายามเปลี่ยนแปลงให้เป็นความชั่ว ก็ไม่อาจทำได้
คงเป็นความดีอยู่นั้นเอง
แม้ความชั่วก็เหมือนกัน
เมื่อเป็นความชั่วจริง
ก็คงเป็นความชั่วอยู่นั้นเอง
ไม่มีใครสามารถจะกลับกลาย
ให้เป็นความดีไปได้

ส่วนความอ้างเอาเองและความเข้าใจของคน
ก็เป็นเพียงความอ้างเอาเอง
หรือความเข้าใจเท่านั้น
แม้จะทำให้เกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่งได้บ้าง
เช่น การใส่ความ การยกยอโดยไม่เป็นความจริง
ก็ไม่ใช่ผลของความดีความชั่วนั้นโดยตรง

.ผลของความดีหรือความชั่วนั้น จะต้องมาถึงเมื่อถึงโอกาส
เพราะการให้ผลของความดีหรือความชั่วก็มีเวลาเหมือนวันคืน
เมื่อยังเป็นเวลากลางวัน
จะเร่งเป็นเวลากลางคืนสักเท่าไรก็คงเป็นไปไม่ได้
จนกว่าจะถึงเวลาสิ้นวัน เวลากลางคืนก็เข้ามาถึงเอง

แม้ในเวลากลางคืนก็เหมือนกัน
จะเร่งให้เป็นเวลากลางวันเท่าไร ก็เป็นไปไม่ได้จนกว่าจะสิ้นวันแล้วกลางวันก็จะเริ่มขึ้นเอง


วลาความดีให้ผลเหมือนกลางวัน
เวลาความชั่วให้ผลเหมือนกลางคืน
ฉะนั้นบุคคลในโลกนี้เมื่ออยู่ในระยะกาล
ที่ความดีให้ผล ก็มีชีวิตสว่างรุ่งเรือง
แม้จะทำความชั่วในระหว่างนั้น
ก็ยังสว่างไสวอยู่ก่อน
จนกว่าจะถึงกาลที่ความชั่วให้ผล

ต่เมื่ออยู่ในระยะกาลที่ความชั่วให้ผล
ชีวิตก็อับแสงเศร้าหมอง
ถึงจะทำความดีในระหว่างนั้นก็ยังอับแสงต่อไป
จนกว่าจะถึงกาลแห่งความดีให้ผล
เหตุฉะนี้บุคคลบางคนหรือบางพวก
ผู้ไม่มีศรัทธาในกรรมหรือผลของกรรม
จึงมักมีความเห็นเลื่อนลอยไปตามผลต่างๆ
ที่เห็นจำเพาะหน้า เห็นอย่างไรก็พูดอย่างนั้น
เป็นต้นว่า เห็นบางคนทำดีและได้รับผลดี
ก็พูดว่า ทำดีได้ดี เห็นบางคนทำชั่วแต่ได้รับผลดี
ก็พูดว่าทำชั่วได้ดีเห็นบางคนทำชั่ว
ได้รับผลชั่วก็พูดว่า
ทำชั่วได้ชั่ว เห็นบางคนทำดีแต่ได้รับผลชั่ว ก็พูดว่า ทำดีได้ชั่ว


คนมิใช่น้อยพูดเลื่อนลอยไปตามที่เห็น
จำเพาะอย่างนี้
เพราะไม่ทราบหรือไม่เชื่อในกฎของกรรม
อันเกี่ยวกับกาลกำหนดเหมือนอย่างวันคืน
ดังกล่าว.....ฉะนั้นเมื่อมีความรู้
หรือความเชื่อในกฎของกรรม
ก็จักกล่าวอย่างแน่นอนไม่เลื่อนลอยว่า
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)